Easy E-Receipt 2568 ทำยังไง สรุปหมด ลดหย่อนภาษีคุ้มๆ

Easy E-Receipt 2568 ทำยังไง สรุปหมด ลดหย่อนภาษีคุ้มๆ

ปี 2568 มาพร้อมโอกาสลดหย่อนภาษีด้วยโครงการ Easy E-Receipt 2.0 ซึ่งช่วยให้คุณประหยัดได้สูงสุดถึง 50,000 บาท! แต่ต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพราะเอกสารและระยะเวลาการใช้สิทธิ์เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าพลาดแล้วอาจเสียโอกาสดี ๆ ไป

ระยะเวลาใช้สิทธิ์: 16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568
เพื่อใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี ควรซื้อสินค้า/บริการ และจ่ายเงินให้ครบภายในช่วงเวลานี้

ดังนั้นการวางแผนและทำตามข้อกำหนดคือหัวใจหลัก ซื้อสินค้าและบริการให้ถูกช่วงเวลา พร้อมเอกสารครบถ้วนสูงสุด 50,000 บาท โดยวันนี้เซฟโซน ชวนเซฟเงินมีข้อมูลสรุปเรื่องลดหย่อนภาษีจากกูรูมาฝาก พร้อมแปะคลิปให้เรียบร้อยแล้ว

Easy E-Receipt 2568

1. ซื้อสินค้าและบริการ ให้จบ ให้เสร็จ ในช่วงเวลานั้น และจ่ายเงินให้จบ จะได้หมดปัญหา เน้น! บริการไม่ควรใช้สิทธิได้ก่อนหรือหลัง หรือพูดง่าย ๆ คือ เกินช่วงเวลาที่กำหนดนั่นเอง

2. เอกสารหลักฐาน (E-Tax/E-Receipt) ควรลงวันที่ในช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนดด้วย เพื่อความชัวร์ว่าออกในวันที่ช่วงนั้นจริง ๆ

ส่วนคำถามว่า ซื้ออะไรได้บ้าง ? อยากให้ดูก่อนว่า เขาห้ามอะไรบ้าง ? อย่าไปซื้อสิ่งที่เขาห้ามก่อนเลยอันดับแรก หลังจากนัั้นดูตามนี้

  • มี VAT หรือเปล่า ถ้ามีน่าจะได้
  • ถ้าไม่มี VAT ควรเป็น หนังสือ อีบุ๊ค
  • หรือซื้อจาก OTOP/วิสาหกิจชุมชน/วิสาหกินเพื่อสังคม

ซึ่งเอาจริง ๆ ไม่สำคัญเท่ากับ “เอกสารที่ผู้ขายสินค้าหรือบริการออกให้เรา” นั่นคือ เอกสารที่ว่าต้องเป็นอิเล็กทรอนิกส์จริง ๆ ซึ่งได้แก่ ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (E-Tax Invoice) หรือ ใบรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Receipt) คนที่ออกใบกำกับภาษีได้ คือ คนที่จดทะเบียน VAT

ส่วน ใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (E-Receipt) คนที่ออกน่าจะเป็นกลุ่มเฉพาะที่ใช้สิทธิ์ได้ เช่น หนังสือ/อีบุ๊ค (ยกเว้น VAT แต่ใช้ได้) และกลุ่มคนออกที่เป็นกลุ่มพิเศษ นั่นคือ OTOP/วิสาหกิจชุมชน และวิสาหกิจเพื่อสังคม

ป.ล. ในกรณีที่คนขายออกมาเป็นเอกสารรวม มีทั้งชื่อ E-Tax invoice / E-Receipt เลย อันนี้ถือว่าเป็นกลุ่ม E-Tax ที่คนจด VAT ออกครับ ข้อที่สี่ เรื่องจำนวนเงินสูงสุด 50,000 บาท แบ่งเป็น 2 ก้อน เอาที่ก้อนแรกก่อน

จำนวนเงินลดหย่อน 50,000 บาท แบ่งเป็น ก้อนแรก 30,000 บาท สำหรับ ค่าซื้อสินค้า/บริการ ตามระบบ VAT รวมหนังสือกับอีบุ๊ค แล้ว สูงสุดได้แค่นี้

ถ้าใครซื้อก้อนแรกเต็มที่ ส่วนที่เหลือ จะเป็นก้อนที่สอง 20,000 บาท กลุ่มนี้ต้องซื้อสินค้าหรือบริการจาก OTOP, วิสาหกิจชุมชน และวิสาหกิจเพื่อสังคม ที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดไว้ และออก E-Tax invoice / E-Receipt ได้

แต่ถ้าใครบอกว่าไม่อยากใช้ 30,000 บาทแรก แต่อยากใช้เข้ากลุ่มหลังมากกว่า ก็สามารถใช้สิทธิ์ได้สูงสุด 50,000 บาท ในกลุ่มที่สองได้ทั้งก้อนเลยครับ

ฝากไว้ว่า มันคือการลดหย่อนภาษีนะ มันลดได้สูงสุดตามอัตราภาษีทีเราเสีย ไม่ว่าจะซื้ออะไร ซื้อแบบไหน เงินที่เสียไปมากกว่าภาษีที่ประหยัดได้ อย่าลืมดูเรื่องการเงินให้ดี ๆ นะครับผม

ขอบคุณข้อมูลจาก TAXBugnoms