เก็บเงินแต่งงาน ควรให้ผู้ชายเก็บ หรือช่วยกันเก็บกับแฟน-savezone_iammai

เก็บเงินแต่งงาน ควรให้ผู้ชายเก็บ หรือช่วยกันเก็บกับแฟน?

โลกเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าแต่งงานกันฝ่ายชายไม่จำเป็นต้องเป็นคนแบกรับสินสอดฝ่ายเดียว ฝ่ายหญิงก็ช่วยกันเก็บเงินแต่งงานกับแฟนได้ ถ้าถามว่า เก็บเงินแต่งงาน ควรให้ผู้ชายเก็บ หรือช่วยกันเก็บกับแฟน? บทความนี้จะมาแนะนำข้อดีและข้อเสียของทั้งสองแนวทาง พร้อมช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น

คำถามที่คู่รักควรถามตัวเองก่อนเก็บเงินแต่งงาน

  1. เรามีเป้าหมายเรื่องชีวิตคู่แบบไหน?
  2. รายได้และความสามารถในการเก็บเงินของแต่ละคนเป็นอย่างไร?
  3. มีภาระค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องดูแลหรือไม่?
  4. ค่านิยมและความคาดหวังของครอบครัวเป็นอย่างไร?

เก็บเงินแต่งงาน ควรให้ผู้ชายเก็บ หรือช่วยกันเก็บกับแฟน?

1. ถ้าให้ฝ่ายชายเก็บเงินแต่งงานคนเดียว

ในสังคมไทยหลายครั้ง ความเชื่อแบบเดิมมักมองว่าผู้ชายต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายแต่งงาน เพราะถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อครอบครัวที่กำลังจะสร้าง อย่างไรก็ตาม การให้ฝ่ายชายเก็บเงินคนเดียวมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนี้

ข้อดี

  • แสดงความจริงจังและความรับผิดชอบ
    การที่ฝ่ายชายเก็บเงินคนเดียวเพื่อแต่งงาน อาจเป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการดูแลครอบครัวในอนาคต ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่เข้มแข็งและน่าเชื่อถือ
  • ลดความซับซ้อนในการบริหารเงิน
    การให้ฝ่ายเดียวเก็บเงินอาจลดการขัดแย้งในการจัดการเงินและการวางแผนต่าง ๆ

ข้อเสีย

  • ภาระหนักที่อาจเกินตัว
    การเก็บเงินคนเดียวอาจทำให้ฝ่ายชายรู้สึกกดดันและเป็นภาระหนักจนเกินไป โดยเฉพาะหากค่าจัดงานมีจำนวนมาก
  • เสียโอกาสในการร่วมมือกันวางแผนชีวิตคู่
    การแต่งงานคือการใช้ชีวิตร่วมกัน การช่วยกันเก็บเงินแสดงถึงการเริ่มต้นที่ดีในความสัมพันธ์ของการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน

เก็บเงินแต่งงาน ควรให้ผู้ชายเก็บ หรือช่วยกันเก็บกับแฟน-savezone

2. ถ้าช่วยกันเก็บเงินกับแฟน

การแบ่งปันหน้าที่และช่วยกันเก็บเงินอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคู่รักสมัยใหม่ที่มองความสัมพันธ์แบบเท่าเทียม มาดูข้อดีและข้อเสียของแนวทางนี้

ข้อดี

  • สร้างความร่วมมือและความสามัคคี
    การช่วยกันเก็บเงินทำให้เกิดความรู้สึกว่า “เราอยู่ในเรื่องนี้ด้วยกัน” ซึ่งช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจกัน
  • แบ่งเบาภาระทางการเงิน
    การเก็บเงินแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ การช่วยกันเก็บจะลดภาระและความกดดันที่อาจเกิดขึ้น
  • ส่งเสริมการวางแผนและบริหารการเงินร่วมกัน
    การช่วยกันเก็บเงินทำให้ทั้งคู่เรียนรู้วิธีการจัดการเงิน วางแผนการใช้จ่าย และเตรียมตัวสำหรับการเงินของครอบครัวในอนาคต

ข้อเสีย

  • ความขัดแย้งในการบริหารเงิน
    การเก็บเงินร่วมกันอาจทำให้เกิดความไม่พอใจในกรณีที่มีมุมมองการใช้จ่ายแตกต่างกัน เช่น ฝ่ายหนึ่งอาจมองว่าควรเก็บเงินเยอะ ๆ ในขณะที่อีกฝ่ายอาจมองว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายบางส่วนได้
  • อาจขัดแย้งกับค่านิยมดั้งเดิม
    สำหรับบางคู่หรือบางครอบครัว การที่ฝ่ายหญิงมีส่วนร่วมในการเก็บเงินอาจถูกมองว่าไม่เหมาะสม เพราะค่านิยมเดิมที่ฝ่ายชายต้องเป็นผู้นำในเรื่องการเงิน

3. ทางสายกลาง: วางแผนการเก็บเงินร่วมกันแบบยืดหยุ่น

อีกหนึ่งแนวทางที่อาจตอบโจทย์คู่รักหลายคู่คือการวางแผนการเก็บเงินแบบร่วมมือกัน โดยอาจแบ่งหน้าที่กัน เช่น ฝ่ายชายดูแลค่าใช้จ่ายในส่วนที่สำคัญ เช่น ค่าสินสอด ค่าสถานที่ ขณะที่ฝ่ายหญิงอาจช่วยดูแลค่าใช้จ่ายในส่วนของการจัดเลี้ยง หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ไม่สูงมากนัก วิธีนี้ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกว่ามีส่วนร่วมและไม่ถูกกดดันเกินไป

ถ้าเก็บเงินแต่งงานกับแฟน ควรแบ่งสัดส่วนกันโดยใช้เกณฑ์อะไรวัด

1) รายได้ของแต่ละฝ่าย:

  • หากฝ่ายใดมีรายได้มากกว่า อาจแบกรับภาระค่าใช้จ่ายได้มากกว่า
  • แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไป เพราะอาจมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น หนี้สิน หรือค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ

2) ทรัพย์สินที่มีอยู่: หากฝ่ายใดมีทรัพย์สินเก็บสะสมอยู่แล้ว อาจแบกรับภาระค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งได้

3) ความสามารถในการออม: พิจารณาจากนิสัยการใช้จ่ายของแต่ละฝ่ายว่าใครสามารถออมเงินได้มากกว่า

4) ความสำคัญของงานแต่งงาน: หากฝ่ายใดให้ความสำคัญกับงานแต่งงานมากกว่า อาจเต็มใจที่จะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น

5) ความคาดหวังของครอบครัว: ในบางครอบครัวอาจมีประเพณีหรือความคาดหวังที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายบางส่วน

สำคัญ! เปิดใจและพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา การ เก็บเงินแต่งงาน ควรเป็นการตกลงร่วมกันของคู่รักตามความเหมาะสมในสถานการณ์และเป้าหมายของแต่ละคู่ ไม่ว่าจะเลือกให้ฝ่ายชายเก็บเงินคนเดียว หรือช่วยกันเก็บ สิ่งสำคัญคือการเปิดใจพูดคุยและร่วมมือกัน วางแผนเพื่อสร้างความมั่นคงในการเริ่มต้นชีวิตคู่ไปด้วยกัน

บทความที่เกี่ยวข้อง